กรุงศรี ประกาศความสำเร็จโครงการ Krungsri ESG Awards 2023ครั้งแรกของการมอบรางวัลเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
กรุงเทพฯ (21 พฤศจิกายน 2566) – กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) ร่วมส่งเสริมและยกย่องธุรกิจ ในการขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG โดยประกาศรางวัล Krungsri ESG Awards 2023 เชิดชู 18 ธุรกิจที่สามารถขับเคลื่อนธุรกิจโดยนำเอากรอบแนวคิด ESG มาปรับใช้อย่างเป็นรูปธรรมในการดำเนินธุรกิจนอกจากนี้ยังเป็นการตอกย้ำปณิธานในการบูรณาการและต่อยอดความเป็นเลิศด้าน ESG ของกรุงศรีผ่านการสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสม รวมถึงให้การสนับสนุนผู้ประกอบการจนสามารถขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพ
นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยเป้าหมายในการเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ยั่งยืนที่สุดในประเทศไทย กรุงศรีได้นำกรอบแนวความคิด ESG มาปรับใช้ทั้งการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนมุ่งมั่นให้การสนับสนุนและส่งเสริมเหล่าพันธมิตรและลูกค้าธุรกิจให้สามารถเปลี่ยนผ่านสู่การดำเนินงานด้าน ESG อย่างแท้จริงผ่านการสนับสนุนทางการเงิน รวมถึงโครงการต่าง ๆ ซึ่ง Krungsri ESG Awards 2023 นับเป็นอีกหนึ่งพลังความร่วมมือจากหลายภาคส่วนทั้งคณะกรรมการและพันธมิตรจากหน่วยงานรัฐและเอกชน รวมถึงผู้เข้าร่วมโครงการทุกท่านในการแบ่งปันความรู้ และประสบการณ์เพื่อนำแนวคิด ESG ไปปรับใช้ พร้อมต่อยอดความยั่งยืนให้กับธุรกิจในทุกมิติ โครงการดังกล่าวจะสำเร็จไปไม่ได้ หากปราศจากความร่วมมือ การระดมความคิดและลงมือทำอย่างจริงจังของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรม กรุงศรีขอขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินงานดังกล่าวจะเป็นแรงผลักดันสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาธุรกิจตามแนวทาง ESG ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจไทยและในระดับประเทศต่อไป”
นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรี ในฐานะภาคการเงินที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนของประเทศ เราตระหนักถึงความเร่งด่วนและความจำเป็นในการสนับสนุนลูกค้าธุรกิจในการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน โดยเฉพาะปัจจุบันที่แนวคิดการดำเนินงานตามกรอบ ESG ได้ขยายวงครอบคลุมทุกภาคส่วนของห่วงโซ่ธุรกิจ จึงเป็นเรื่องที่ธุรกิจในทุกระดับรวมถึงผู้ประกอบการ SME จะต้องให้ความสำคัญและพร้อมที่จะปรับตัวดำเนินการตามกรอบดังกล่าวเพื่อความอยู่รอดและสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงยั่งยืน อย่างไรก็ตามยังมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่อาจมีความเข้าใจไม่ชัดเจน หรือยังไม่ทราบถึงแนวทางปฏิบัติ การจัดโครงการ Krungsri ESG Awards 2023 จึงเข้ามามีส่วนสำคัญในการสร้างความรู้ความเข้าใจ พร้อมส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการลงมือทำอย่างต่อเนื่อง”
โครงการ Krungsri ESG Awards 2023 จัดขึ้นเป็นปีแรก มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งส่งเสริมให้ลูกค้าธุรกิจตระหนักถึงความสำคัญและนำแนวคิด ESG ไปปรับใช้และต่อยอดเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในทุกมิติ โดยได้รับเกียรติจากองค์กรพันธมิตรผู้ทรงคุณวุฒิและมีวิสัยทัศน์ด้าน ESG ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก กรมพัฒนาธุรกิจการค้าสมาคมธุรกิจเพื่อสังคม และสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการพิจารณาและตัดสินรางวัล สำหรับปีนี้ มีกิจการที่เข้าร่วมโครงการเป็นกลุ่มลูกค้าธุรกิจของธนาคารกรุงศรีที่มียอดขายต่อปีไม่เกิน 1,000 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจเพื่อสังคมภายใต้เครือข่าย SE Thailand โดยมีกิจการที่ได้รับรางวัลรวมทั้งสิ้น 18 รางวัล ประกอบไปด้วย รางวัล Excellence จำนวน 6 รางวัล ซึ่งมอบให้กิจการที่มีความเป็นเลิศ ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล และรางวัล Highly commended จำนวน 12 รางวัล ซึ่งมอบให้เพื่อเชิดชูกิจการที่ริเริ่มและดำเนินการตามแนวปฏิบัติที่ดีทั้งสามด้าน นอกจากนี้ งานมอบรางวัลในครั้งนี้ได้จัดงานแบบ Carbon Neutral Event โดยชดเชยคาร์บอนเหลือศูนย์ เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของกรุงศรีที่จะร่วมแก้ปัญหาของสภาพอากาศ
“ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ วิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการทำงานด้าน ESG ของทุกท่าน ไม่เพียงส่งผลดีต่อธุรกิจของท่านเท่านั้น แต่ยังทรงคุณค่าต่อการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศและโลกของเรา ทั้งนี้ กรุงศรี จะยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของลูกค้าผ่านผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนในหลากหลายมิติ รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะช่วยสร้างการรับรู้ ส่งเสริม สนับสนุนและผลักดันการดำเนินงานด้าน ESG เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ SME ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป” นางสาวดวงกมล กล่าวสรุป