ผถห.WINMED ไฟเขียวปันผล 0.0569 บ./หุ้น-รอรับเงิน 19 พ.ค.นี้ผู้บริหารมั่นใจปี 66 รายได้โต 30% ทุบสถิติใหม่ต่อเนื่อง
ผู้ถือหุ้น WINMED โหวตหนุนจ่ายปันผลในอัตรา 0.0569 บาท/หุ้น เตรียมรับทรัพย์ในวันที่ 19 พ.ค. 66 นี้ ฟากผู้บริหาร “นันทิยะ ดารกานนท์” มั่นใจผลงานปีนี้เติบโตแข็งแกร่ง รับกระแสการตื่นตัวด้านสาธารณสุข พร้อมเร่งทยอยออกผลิตภัณฑ์กลุ่มการแพทย์ใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง วางเป้ารายได้ปีนี้โต 30% ออลไทม์ไฮต่อเนื่อง
นายนันทิยะ ดารกานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) (WINMED) ผู้นำเข้าและจำหน่ายเครื่องและชุดอุปกรณ์ สำหรับการเก็บ การตรวจวิเคราะห์ วินิจฉัย และการบำบัดรักษาทางการแพทย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ในวันที่ 21 เมษายน 2566 ที่ผ่านมาอนุมัติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.0569 บาท/หุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 20 มี.ค.66 และจ่ายปันผลวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 สำหรับผลการดำเนินงานปี 2565 ซึ่งการจ่ายปันผลดังกล่าวคิดเป็นร้อยละ 40.47 ของกำไรสุทธิประจำปี 2565
“แนวโน้มธุรกิจในปีนี้จะเป็นปีที่มีการเติบโตโดดเด่นกว่าปีที่ผ่านมา จากการที่ประชาชนมีความตื่นตัวด้านสุขภาพและหันมาใส่ใจเข้ารับการตรวจรักษากันมากขึ้น หลังวิกฤติการแพร่ระบาดไวรัส Covid-19 ทำให้จำนวนผู้เข้ารับการตรวจรักษาและวินิจฉัยโรค ในโรงพยาบาลต่างๆ เพิ่มขึ้น อีกทั้งโครงการสปสช.ซึ่งมีโรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้จำนวนการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”
ทั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมลงทุนเพิ่มเติมในส่วนของหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ หรือ Mobile Blood Collection รองรับความต้องการของหน่วยงานทางการแพทย์ ที่มีความต้องการโลหิตสำหรับผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบัน WINMED มีหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ จำนวน 2 หน่วย และมีแผนจะเพิ่มหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่เป็น 6 หน่วย สำหรับให้บริการในปี 2566 นี้ หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่าซึ่งจะสนับสนุนทำให้รายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อนึ่ง ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2565 ที่ผ่านมา มีรายได้รวม 703.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 164.75 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30.58% เทียบปีที่ผ่านมามีรายได้รวม 538.67 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 60.67 ล้านบาท
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WINMED กล่าวอีกว่า แผนดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2566 นอกจากขยายการลงทุนแล้ว บริษัทฯมีการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโต จาก B2B มาเป็น B2C มากขึ้นผ่านทางช่องทางจำหน่ายออนไลน์-ออฟไลน์ และกลุ่มเครือข่ายพันธมิตร รวมถึงการนำสินค้าใหม่ๆ มาจำหน่าย ที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนยอดขายเติบโตอย่างแข็งแกร่งผลักดันรายได้ในปีนี้เติบโต 30% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ ตามแผนงานที่วางไว้