“เบทาโกร” เปิดกลยุทธ์ 2024 สร้างการเติบโตมั่นคงและยั่งยืนปักธงสร้างแลนด์สเคปธุรกิจใหม่ สู่เป้าหมายรายได้โต 5-10%เดินหน้าขยายกำลังการผลิต ปรับพอร์ตสินค้า พร้อมบริหารจัดการต้นทุน

“เบทาโกร” เปิดกลยุทธ์ 2024 สร้างการเติบโตมั่นคงและยั่งยืนปักธงสร้างแลนด์สเคปธุรกิจใหม่ สู่เป้าหมายรายได้โต 5-10%เดินหน้าขยายกำลังการผลิต ปรับพอร์ตสินค้า พร้อมบริหารจัดการต้นทุน

กรุงเทพฯ – 1 มีนาคม 2567 - บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ “BTG” เปิดกลยุทธ์ 2024 ขับเคลื่อนธุรกิจ มุ่งสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน ด้วยการขยายกำลังการผลิต ปรับพอร์ตสินค้าและช่องทางการจัดจำหน่าย เน้นบริหารจัดการต้นทุน พร้อมเดินหน้าทรานส์ฟอร์มองค์กร ดึงผู้บริหารวิสัยทัศน์ไกลเสริมทัพธุรกิจสร้างความแข็งแกร่ง โดยขับเคลื่อนธุรกิจตามกรอบ ESG มุ่งสู่ความยั่งยืนทุกภาคส่วน วางเป้าหมายปี 2567 เติบโต 5-10%

นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจ 2024 เพื่อนำพาเบทาโกรไปสู่ “บริษัทอาหารครบวงจรชั้นนำของไทยที่มุ่งมั่นเพิ่มคุณค่าชีวิตทุกคน ด้วยอาหารที่ดีกว่า” โดยวาง 3 กลยุทธ์หลักซึ่งเป็นหัวใจในการสร้างการเติบโตที่มั่นคง และยั่งยืนให้ เบทาโกร และอุตสาหกรรมอาหาร ผ่าน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม (Agro Business) 
กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน (Protein & Food Business) กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ (International Business) และกลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง (Pet Business) พร้อมเสริมทัพผู้นำ ด้วยทีมบริหารที่มีประสบการณ์และวิสัยทัศน์ไกล สร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกปัจจุบัน โดยทั้งหมดนี้เป็นการขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กรอบ ESG (Environmental, Social, Governance)

กลยุทธ์ปี 2024 เบทาโกร มุ่งสร้างแลนด์สเคปการทำงานในรูปแบบใหม่ เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายผลการดำเนินงาน 2567 เติบโต 5-10% 1) กลยุทธ์การขยายกำลังการผลิต (Capacity Expansion) ด้วยการลงทุนอย่างต่อเนื่อง อาทิ โรงงานผลิตอาหารสัตว์ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ฟาร์มปศุสัตว์และโรงงานแปรรูปอาหาร โรงงานผลิตอาหารสัตว์ที่ประเทศลาว รวมทั้งขยายโรงงานผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่จังหวัดลพบุรี เป็นต้น พร้อมการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยยกระดับการผลิตให้ทันสมัย เพิ่มประสิทธิผลให้ดียิ่งขึ้น 2) กลยุทธ์ปรับพอร์ตสินค้าและช่องทางการจำหน่าย เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร (Product & Channel Mix Adjustment) มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีราคาขายและอัตรากำไรที่สูงขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้และส่วนแบ่งการตลาด พร้อมขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เช่น ร้านเบทาโกรช็อป ช่องทางฟู้ดเซอร์วิส และช่องทางการส่งออก เป็นต้น 3) กลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารจัดการต้นทุนตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Cost Transformation) เพื่อเพิ่มผลผลิตที่มีคุณภาพและผลิตภาพ รวมถึงเพิ่มความสามารถในการทำกำไรที่ดียิ่งขึ้น อาทิ การผลิตปศุสัตว์ และระบบการขนส่ง เป็นต้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ทรานส์ฟอร์มองค์กรอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดได้ดึงผู้บริหารที่มีประสบการณ์และวิสัยทัศน์ไกล 
ร่วมขับเคลื่อนธุรกิจ โดยประกาศแต่งตั้ง 5 ผู้บริหารใหม่ นำโดย “นางสาวดุลยา พวงทอง” ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ กลุ่มงานบริหารการเงิน, “นางสาวเยเนอเวียบ ศิริวรรณ ฟิเนท์” ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ กลุ่มงานทรัพยากรมนุษย์,      นายชยธร แต้ไพสิฐพงษ์” ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ กลุ่มงานกลยุทธ์และนวัตกรรม “นายสมศักดิ์ บุญลาภ” ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มผลิตปศุสัตว์ และ “นายไพฑูรย์ จิรานันตรัตน์” ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ กลุ่มงานพัฒนาประสิทธิภาพ การผลิต และซัพพลายเชน พร้อมกับวางพันธกิจดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนภายใต้กรอบ ESG (Environmental, Social, and Governance) กับ 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1) การให้ความสำคัญคุณภาพและความปลอดภัย
ด้านอาหาร 2) การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 3) การพัฒนาชุมชน 4) การพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน และ 5) อาชีวอนามัยและความปลอดภัย

ทั้งนี้ ในปี 2566 บริษัทฯ เผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอกหลากหลาย ทั้งสถานการณ์ราคาสุกรตกต่ำ 
จากการลักลอบนำเข้าชิ้นส่วนและเนื้อสุกรจากต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลต่อผลการดำเนินงานปี 2566 โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 108,638 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีผลขาดทุนสุทธิ 1,398 ล้านบาท อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ยังคงมีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่ง โดยสามารถบริหารอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (IBD/E) อยู่ที่ 0.97 เท่าในปี 2566 และ TRIS Rating คงอันดับเครดิตที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ศักยภาพการดำเนินธุรกิจและโอกาสเติบโตของบริษัทฯ

“เบทาโกร เชื่อมั่นว่าภายใต้การกำหนดกลยุทธ์ 2024 และความมุ่งมั่นก้าวสู่ ‘บริษัทอาหารครบวงจรชั้นนำของไทยที่มุ่งมั่นเพิ่มคุณค่าชีวิตทุกคน ด้วยอาหารที่ดีกว่า’ จะเป็นก้าวที่สำคัญสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับเบทาโกร รวมทั้งในทุกภาคส่วน ทั้งผู้บริโภค พันธมิตรทางการค้า พนักงาน ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่ร่วมเติบโตและยั่งยืนไปพร้อมกับเรา” นายวสิษฐ กล่าว

ข่าวเกี่ยวข้อง