HL ฐานแน่น! เปิดงบ Q1/66 รายได้รวมโต 3.64% กลุ่มสินค้ายา - ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโดดเด่น  จ่อเปิดสาขาใหม่อีก 4 แห่งใน Q2/66 หนุนรายได้ปีนี้ทะลุ 20%

HL ฐานแน่น! เปิดงบ Q1/66 รายได้รวมโต 3.64% กลุ่มสินค้ายา - ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโดดเด่น  จ่อเปิดสาขาใหม่อีก 4 แห่งใน Q2/66 หนุนรายได้ปีนี้ทะลุ 20%

บมจ. เฮลท์ลีด (HL) เปิดงบไตรมาส 1/2566 มีรายได้รวมอยู่ที่ 388.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้กลุ่มสินค้ายาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโตแรง ฟากซีอีโอ"ภก.ธัชพล" เตรียมเปิดสาขาใหม่อีก 4 แห่งในไตรมาส 2/2566 ตั้งเป้าสิ้นปีนี้มีสาขารวม 50 แห่ง ปักธงรายได้ปีนี้เติบโตมากกว่า 20%

ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) หรือ HL เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2566 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 388.34 ล้านบาท เติบโต3.64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้ทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ รายได้กลุ่มยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, สินค้าสุขภาพสำหรับภายนอกร่างกายและสินค้าบริโภค มีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับร้อยละ 16-23 ส่วนรายได้กลุ่มอุปกรณ์การแพทย์และของใช้ในบ้าน ลดลงร้อยละ 34.53 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากรายได้จากการขาย ATK และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับโควิดลดลง  

โดยกลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิ 12.80 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 30.19 ล้านบาทเนื่องจากมีการจัดโปรโมชั่นในกลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่ยา และยังไม่ปรับขึ้นราคายา เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ภก.ธัชพล กล่าว

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทได้เปิดสาขาร้านขายยาทั้งสิ้น 11 สาขาในปี 2565 และเปิดเพิ่มอีก 3 สาขาในไตรมาส 1 ปี2566 โดยร้านขายยาที่เพิ่มในช่วงไตรมาส 1 ปี 2566 ได้แก่ 1) ร้านขายยาไอแคร์ สาขาตลาดเสรี พุทธมณฑลสาย 5 2) ร้านขายยาไอแคร์ สาขาท่าอิฐ นนทบุรี และ 3) ร้านขายยาไอแคร์ สาขาตลาดธันยา อ้อมใหญ่ ทำให้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 กลุ่มบริษัทมีร้านขายยาเปิดดำเนินการรวมทั้งสิ้น 39 สาขา และมีสาขาร้านขายยาที่อยู่ในระหว่างก่อสร้าง 2 สาขา และเซ็นสัญญาจองพื้นที่แล้วอีก 4 สาขา

สำหรับแผนธุรกิจในไตรมาส 2/2566 บริษัทฯมีแผนเปิดสาขาใหม่ อีก 4 สาขา โดยคาดภายในสิ้นปีนี้บริษัทฯจะมีสาขารวมทั้งสิ้น 50 สาขา จากปีก่อนที่มีสาขารวม 36 สาขา  ซึ่งเน้นในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อขยายฐานลูกค้าและตอบโจทย์ผู้บริโภคให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้รายได้ปีนี้มากกว่า 20% จากปีก่อน

ข่าวเกี่ยวข้อง