บลจ.อีสท์สปริง มองปัจจัยบวก หนุนการลงทุนครึ่งปีหลัง 2567เตรียมรุกตลาด PVD พร้อมเปิดตัวแอพพลิเคชั่นเต็มรูปแบบ ตอบโจทย์นายจ้าง – คณะกรรมการกองทุน

บลจ.อีสท์สปริง มองปัจจัยบวก หนุนการลงทุนครึ่งปีหลัง 2567เตรียมรุกตลาด PVD พร้อมเปิดตัวแอพพลิเคชั่นเต็มรูปแบบ ตอบโจทย์นายจ้าง – คณะกรรมการกองทุน

นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด  หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยถึงภาพรวมการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรก 2567 ว่า โลกยังคงเผชิญความท้าทายจากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ และ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อความผันผวนของภาพรวมการลงทุน โดยบลจ.อีสท์สปริง ได้มุ่งเน้นให้คำแนะนำในการจัดพอร์ตแบบสร้างสมดุลเพื่อไม่ให้ผู้ลงทุนพลาดโอกาสในการลงทุน และ ช่วยกระจายความเสี่ยงจากปัจจัยต่างๆ พร้อมการออกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการทั้งใน และต่างประเทศ โดยปัจจุบัน บลจ.อีสท์สปริง สามารถบริหารจัดการกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (Foreign Investment Funds หรือ FIFs) ได้โดดเด่น และ มีส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 1 ในกลุ่มกองทุนรวม FIF ตราสารหนี้ คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่19% และ ยังครองสัดส่วนการตลาดเป็นอันดับ 2 ในกองทุน FIF ตราสารทุน ด้วยส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 13%(ข้อมูลจาก AIMC ณ สิ้นเดือน มิถุนายน 2567)

นางสาวดารบุษป์ กล่าวว่า การขับเคลื่อนของ บลจ.อีสท์สปริง ในระยะยาวมุ่งเน้นเรื่องการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้คนในสังคมเพื่อรองรับการเกษียณ โดยหลังจากได้พัฒนานวัตกรรมใหม่พร้อมเปิดตัวโมบายแอปพลิเคชัน Eastspring M Choice TH เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บลจ.อีสท์สปริง ยังได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เพื่อการบริการเพิ่มเติมโดยให้สมาชิกสามารถปรับสัดส่วนอัตราเงินสะสมผ่านช่องทางดิจิทัลได้ไม่ต้องกรอกแบบฟอร์มกระดาษ  นอกจากนี้ ยังต่อยอดการให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลเพื่อขยายตลาดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ด้วยการเปิดตัวEastspring PVD Employer Online บริการที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้นายจ้าง และ EastspringPVD Fund Committee สำหรับคณะกรรมการกองทุนเพื่อให้สามารถบริหารจัดการสมาชิกผ่านโมบายแอปพลิเคชันได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ไม่ว่าที่ไหน เมื่อไหร่ ถือเป็นธุรกรรมที่ทำได้ทันทีแบบไร้รอยต่อ โดยไม่ต้องมีการส่งข้อมูลทางอีเมลระหว่างกัน รวมถึงไม่ต้องนำส่งกระดาษเพื่อเวียนลงนาม ช่วยลดการสูญเสียทรัพยากร ปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล และ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ในการทำงานแบบ Smart Work-Smart Solution 

“ด้วยจุดแข็งของการมีผลิตภัณฑ์ที่มีทางเลือกการลงทุนที่หลากหลายกว่า 30 นโยบาย ตลอดจนการพัฒนาด้านการบริการอย่างต่อเนื่อง  ส่งผลให้บลจ.อีสท์สปริง มีจำนวนลูกค้าผู้ใช้บริการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีลูกค้ารวม 1,949 บริษัท จำนวนสมาชิก168,115 ราย และ มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่ที่61,682 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2567)”นางสาวดารบุษป์ กล่าว

ด้านนายยิ่งยง เจียรวุฑฒิ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการลงทุน บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยถึงสถานการณ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง 2567  ว่า บลจ.อีสท์สปริง ประเมินว่าในครึ่งปีหลังตลาดหุ้นยังคงความน่าสนใจ โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่และ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯที่ได้ประโยชน์จากธีม AI  ขณะที่ตลาดหุ้นอินเดียเป็นอีกตลาดที่คาดว่าจะสามารถเติบโตได้โดดเด่นในภูมิภาคเอเชีย นอกจากนี้กลุ่มตราสารหนี้สหรัฐฯก็คาดว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้น่าสนใจหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯน่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส4 ของปีนี้

โดยครึ่งปีหลังคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเติบโตได้ แต่เริ่มมีสัญญาณชะลอตัวให้เห็นจากดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง  แต่การเติบโตของยอดขายและรายได้ที่แข็งแกร่งยังคงเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในส่วนของภูมิภาคเอเชีย อินเดียเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างโดดเด่น รวมถึงผลการเลือกตั้งที่รัฐบาลสามารถดำเนินนโยบายได้ต่อเนื่อง และ ห่วงโซ่อุปทานที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ตลาดหุ้นอินเดียถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก 

“ขณะที่ตราสารหนี้เริ่มมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น ซึ่งเราคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 1-2 ในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อตลาดตราสารหนี้ ขณะที่ประเด็นการเลือกตั้งสหรัฐฯ และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์เราประเมินว่าผลกระทบดังกล่าวจะสร้างความผันผวนแค่ชั่วคราว และ จะเป็นจังหวะในการสร้างโอกาสการลงทุน” นายยิ่งยงกล่าว พร้อมเพิ่มเติมว่า

สำหรับการลงทุนที่แนะนำในช่วงไตรมาส 3 ปี 2567 มี 4กองทุนเด่น คือ กองทุนเปิดอีสท์สปริง US Information Technology (ES-USTECH) ที่ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ และ กองทุนเปิดอีสท์สปริง US Blue Chip Equity (ES-USBLUECHIP) ที่ลงทุนในหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐฯที่มีการเติบโตของรายได้ กำไร รวมทั้งมีความสามารถในการแข่งขันและเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม กองทุนเปิดอีสท์สปริง India Active Equity (ES-INDAE) ที่เน้นลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าเงินลงทุนโดยจะลงทุนหุ้นที่มีภูมิลำเนาหรือมีกำไรหรือรายได้หลักในประเทศอินเดีย และ สุดท้าย กองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Income (ES-GINCOME)  ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ประเภทต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนทั่วโลกเพื่อสร้างการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาว

คำเตือน

เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน / หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนผู้ลงทุนสามารถขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. อีสท์สปริง (ประเทศไทย) หรือผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่ได้รับการแต่งตั้ง

ข่าวเกี่ยวข้อง