SSP ปิดดีลขายโซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่นมูลค่า 718 ล้านบาทเตรียมบุ๊กกำไรพิเศษ เสริมฐานทุนแกร่งรุกโรงไฟฟ้า Renewable ทุกรูปแบบ
บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) ประกาศปิดดีลขายโรงไฟฟ้าฮิดากะในประเทศญี่ปุ่นมูลค่า 718 ล้านบาท บุ๊กกำไรเข้าไตรมาส 2/65 ทันที บิ๊กบอส “วรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์”ลั่นพร้อมขยายการลงทุนโรงไฟฟ้า Renewable ทุกรูปแบบ วางเป้าภายใน 3 ปี กำลังการผลิตไฟฟ้าในมือเพิ่มเท่าตัว
นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) (SSP) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ทำสัญญาขายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ฮิดากะ ในประเทศญี่ปุ่นขนาด 17 เมกะวัตต์ มูลค่าประมาณ 718 ล้านบาท ให้กับกลุ่มทุนญี่ปุ่น โดยบริษัทฯจะรับรู้กำไรเข้ามาในไตรมาส 2/65 ทันที และเตรียมนำเงินที่ได้ไปใช้ขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ทุกรูปแบบ เพื่อไปสู่เป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าแตะ 500 เมกะวัตต์ภายในปี 2568
“ดีลนี้ทำให้เราได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการนี้เพิ่มขึ้นมาก เพราะผู้ลงทุนใหม่ให้ความสำคัญกับธุรกิจพลังงานสะอาดที่มีส่วนช่วยลด Carbon Emission โดยเรามีแผนที่จะนำเงินที่ได้รับบางส่วนย้อนกลับไปลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะเริ่มปลายปีนี้ และเป็นทุนที่เตรียมไว้ลงทุนโครงการอื่นๆที่มีอยู่ในมืออีกมากในปัจจุบัน”
นายวรุตม์ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา SSP ได้มีการขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนที่หลากหลายมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างโอกาสในการเพิ่มผลตอบแทน และกระจายความเสี่ยงธุรกิจ ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะแค่โซลาร์ฟาร์มในประเทศ และต่างประเทศเพียงเท่านั้น แต่ที่ผ่านมาบริษัทยังประสบความสำเร็จในการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ ,โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ และวินด์ชัยฟาร์มขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ในสัดส่วน 25%
“เห็นได้ชัดว่าพอร์ตโรงไฟฟ้าของ SSP ไม่ได้มีเฉพาะโซลาร์ฟาร์มเพียงเท่านั้น ตลอดช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมาเราประสบความสำเร็จในการขยายการลงทุนทำให้ SSP เป็นผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเต็มรูปแบบ เราใช้กลยุทธ์ทำ M&A strategy มากขึ้น รวมถึงการลงทุนใน brown field โดยการเข้าซื้อโครงการใหม่ที่ให้ผลตอบแทนที่สูงอย่างโครงการพลังงานลมและชีวมวล และขายโครงการโซลาร์ฟาร์มโครงการนี้เพื่อหมุนเงินทุนมาต่อยอดโครงการใหม่ๆ ต่างจากในอดีตที่เราทำแต่ green field โดยเราเชื่อว่าหลังจากนี้จะได้เห็นพัฒนาการในการเติบโตอย่างชัดเจนของบริษัทฯ”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SSP กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทฯมีฐานะทางการเงินที่มีความแข็งแกร่ง และการขายโรงไฟฟ้าญี่ปุ่นในครั้งนี้ ยิ่งเป็นแรงหนุนให้ฐานเงินทุนมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น รองรับแผนการขยายพอร์ตโรงไฟฟ้า Renewable ทุกรูปแบบ โดยวางเป้าปี 2568 มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็นเท่าตัว แตะที่ระดับ 500 เมกะวัตต์ โดยมีสัดส่วนจากแหล่งพลังงานใหม่ๆ เช่นพลังงานลม หรือ ชีวมวล เพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่กระจุกตัวอยู่แต่พลังงานจากแสงอาทิตย์ ซึ่งจะทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น