TGE ชนะประมูลโรงไฟฟ้าขยะอุบลฯขนาด 9.9 MWพร้อมเดินหน้าก่อสร้าง คาดแล้วเสร็จปลายปี 2569มุ่งเน้นธุรกิจพลังงานสะอาด หนุนผลงานอนาคตโตยั่งยืน
TGE คว้าประมูลงานโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ พร้อมสิทธิบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า เทศบาลตำบลตระการพืชผล อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี ถือเป็นโรงไฟฟ้าขยะชุมชนแห่งที่ 6 ที่ TGE ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะการประมูลจาก อปท. ฟากซีอีโอ “พงศ์นรินทร์ วนสุวรรณกุล” สั่งลุยก่อสร้างทันที คาดก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อม COD ปลายปี 2569 หนุนผลประกอบการในอนาคตโตกระฉูด ปักธงมุ่งหน้าสู่ธุรกิจพลังงานสะอาดตามแนวคิด ESG สู่องค์กรยั่งยืน
นายพงศ์นรินทร์ วนสุวรรณกุล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการ บริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TGE ผู้นำด้านอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2567 บริษัทฯ ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะการประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนจากอปท. กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาให้สิทธิเอกชนดำเนินโครงการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้ากับเทศบาลตำบลตระการพืชผล อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี ได้ในเร็วๆนี้
ปัจจุบัน TGE มีความพร้อมเต็มที่ โดยจะเร่งดำเนินการสร้างโรงไฟฟ้าขยะชุมชน ด้วยงบลงทุนราว 1,800 ล้านบาท คาดว่าโรงไฟฟ้าจะแล้วเสร็จและจำหน่ายไฟฟ้าได้ปลายปี 2569 ซึ่งจะสนับสนุนผลประกอบการโดยรวมให้เติบโตแบบก้าวกระโดด พร้อมก้าวสู่ผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากชีวมวลและขยะชุมชนของไทย
ก่อนหน้านี้ TGE ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะการประมูลจาก อปท. จำนวน 5 แห่ง กำลังการผลิตติดตั้งรวม 39.9 เมกะวัตต์ ได้แก่ โรงไฟฟ้าขยะชุมชนในพื้นที่ จังหวัดชัยนาท, จังหวัดสระแก้ว, จังหวัดชุมพร, จังหวัดราชบุรี และ จังหวัดสมุทรสาคร โดยมีการทำสัญญาโครงการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้ากับ อปท. ซึ่งสามารถช่วยลดปัญหาปริมาณขยะชุมชนสะสม อีกทั้งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนโดยรอบ
“TGE ตั้งเป้าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 100 เมกะวัตต์ ภายในปี 2570 ซึ่งโรงไฟฟ้าจากขยะชุมชน ถือเป็นอีกหนึ่งพลังงานสะอาดที่สามารถลดการเผาไหม้เชื้อเพลิง และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน โดย TGE มีเป้าหมายดำเนินธุรกิจพลังงานสะอาดแบบครบวงจรตามแนวคิด ESG สู่องค์กรที่ยั่งยืน” นายพงศ์นรินทร์ กล่าวในที่สุด