THREL เร่งเครื่องเคลียร์พอร์ต หั่นสัญญาไม่ทำกำไรพร้อมขยับราคาต่ออายุปี 68 อัพการเติบโตโชว์ผลงาน 9M24 เบี้ยประกันภัยต่อรับโตทะลุ 3.5 พันลบ. 

THREL เร่งเครื่องเคลียร์พอร์ต หั่นสัญญาไม่ทำกำไรพร้อมขยับราคาต่ออายุปี 68 อัพการเติบโตโชว์ผลงาน 9M24 เบี้ยประกันภัยต่อรับโตทะลุ 3.5 พันลบ. 

THREL เร่งเดินหน้าปรับพอร์ต หั่นสัญญาประกันสุขภาพที่ไม่ทำกำไร พร้อมทบทวนเงื่อนไขการรับประกันต่อ ในปี 2568 ภายใต้กลยุทธ์ “ซ่อม-สร้าง” หลังพบความเสี่ยงอุตสาหกรรมยังต้องจับตาใกล้ชิด โชว์ตัวเลขผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2567 เบี้ยประกันภัยต่อรับโตเด่น 35% แตะ 3,564 ล้านบาท ตามการเติบโตของตลาดประกันสุขภาพแบบรายกลุ่ม-สัญญาแบบรายเดี่ยว     

นายวิพล วรเสาหฤท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยรีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ THREL เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้เร่งดำเนินการปรับพอร์ต รองรับความเสี่ยงในอุตสาหกรรมประกันชีวิตภายในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ด้วยการพิจารณาไม่ต่อสัญญาที่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงาน พร้อมทบทวนเงื่อนไขและปรับราคาค่าเบี้ยประกันสุขภาพสำหรับการต่ออายุสัญญาใหม่ปี 2568 ภายใต้กลยุทธ์ “ซ่อม-สร้าง” โดยกลยุทธ์ “ซ่อม” บริษัทจะเน้นซ่อมเสริมพอร์ตให้แข็งแรงขึ้น ด้วยการดูแลรักษาคุณภาพการรับงานใหม่ๆ เพื่อคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่อง โดยฉพาะงานด้านประกันสุขภาพกลุ่มที่ส่วนใหญ่ได้รับผลโดยตรงจากการปรับขึ้นราคาค่ารักษาพยาบาล (Medical Cost Inflation) 

ขณะที่กลยุทธ์ “สร้าง” บริษัทฯยังคงมองหาโอกาสใหม่ๆในการขยายธุรกิจที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะประกันสุขภาพรายบุคคลที่มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น ตามภาพรวมอุตสาหกรรมประกันชีวิต ภายใต้การบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรัดกุม เพื่อให้อัตราค่าสินไหมทดแทนต่อเบี้ย (Loss ratio) และอัตราค่าใช้จ่ายรวม(Combined ratio) กลับเข้าสู่เกณฑ์เป้าหมาย พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตที่แข็งแกร่งในระยะยาว 

นายวิพล กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทเบี้ยประกันภัยต่อรับเพิ่มขึ้น 35% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน แตะ 3,564 ล้านบาท โดยเป็นเบี้ยประกันภัยต่อที่ถือเป็นรายได้สุทธิ 3,296 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% ตามตลาดประกันสุขภาพแบบรายกลุ่ม และการเติบโตของสัญญาประกันสุขภาพแบบรายเดี่ยว

ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยรวมเพิ่มขึ้นราว 45% อยู่ที่ 3,330 ล้านบาท จากค่าสินไหมทดแทนที่เพิ่มขึ้น 898 ล้านบาท ตามการเติบโตของเบี้ยประกันที่เพิ่มขึ้น และจากการเพิ่มขึ้นของอัตราค่ารักษาพยาบาล (medical cost inflation) ของผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ ที่มีการปรับขึ้นตามภาวะอุตสาหกรรม ซึ่งสูงเกินกว่าอัตราค่าเบี้ยประกันที่ได้ปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงค่าบำเหน็จที่เพิ่มขึ้น 121 ล้านบาท ตามการเติบโตของเบี้ยประกัน ส่งผลให้มี combined ratio อยู่ที่ระดับ 103.8%

ข่าวเกี่ยวข้อง