การเคหะแห่งชาติร่วมกับสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยขับเคลื่อนโครงการที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การเคหะแห่งชาติร่วมกับสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยขับเคลื่อนโครงการที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 การเคหะแห่งชาติร่วมประชุมกับสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยในการขับเคลื่อนโครงการที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ไขปัญหาด้านที่อยู่อาศัยและสนับสนุนให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน

 นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า การเคหะแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายตามนโยบายของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

ที่ต้องการให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยที่ดีในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม นำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างยั่งยืน การเคหะแห่งชาติตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในประเด็นด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงมุ่งมั่นดำเนินการศึกษา วิจัย และพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยการเคหะแห่งชาติได้ดำเนินโครงการส่งเสริมที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย (Accelerating construction of energy efficient green housing units in Thailand)  ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ยื่นข้อเสนอโครงการฯ เพื่อขอรับทุนสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (Global Environment Facility GEF) ครั้งที่ 7 ผ่านโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme UNEP)  เพื่อพัฒนาส่งเสริมที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงานและ

เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งการเคหะแห่งชาติได้รับอนุมัติโครงการดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2565 การเคหะแห่งชาติร่วมประชุมหารือกับผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (Thailand Environment Institute TEI) ถึงแนวทางการดำเนินงานและการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้โครงการฯ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด มุ่งสู่การพัฒนาและส่งเสริมที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

อย่างยั่งยืน พร้อมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัยด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคที่อยู่อาศัย สำหรับการดำเนินโครงการดังกล่าวฯ ใช้ระยะเวลาในการดำเนินงาน 5 ปี ซึ่งจะช่วยให้การเคหะแห่งชาติ

มีความคล่องตัวในการดำเนินงานด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากร การสร้างสรรค์ให้เกิดความท้าทายใหม่ ๆ รวมถึงสามารถช่วยประหยัดงบประมาณของภาครัฐ

ในการพัฒนาโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย และการพัฒนาศักยภาพบุคลากรขององค์กรอีกด้วย ซึ่งสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยและการเคหะแห่งชาติจะลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ (MOU) เพื่อการส่งเสริมที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่อไป

ข่าวเกี่ยวข้อง