บอร์ด COCOCO ใจดี จ่ายปันผล 0.20 บ./หุ้น ขึ้น XD วันที่ 2 พ.ย. เตรียมรับทรัพย์ 17 พ.ย.นี้
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ COCOCO ใจดี จ่ายปันผล 0.20 บ./หุ้น จ่อขึ้น XD วันที่ 2 พ.ย. เตรียมรับทรัพย์ 17 พ.ย.นี้ ด้านซีอีโอ "ดร.วรวัฒน์" ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 30% จากปีก่อน หลังออเดอร์ทะลักต่อเนื่อง
ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCOผู้ผลิต-จำหน่าย และส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท ซึ่งกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 3 พ.ย. 2566 กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) ในวันที่ 2 พ.ย. 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 พ.ย.2566 ทั้งนี้ เป็นการจ่ายปันผลจากกำไรสะสม
นอกจากนี้ บริษัทฯ คาดรายได้ปีนี้เติบโต 30% จากปีก่อน โดยเป็นไปตามทิศทางของคำสั่งซื้อที่เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ นำโดย กะทิกระป๋อง กะทิพาสเจอร์ไรส์ น้ำมะพร้าว น้ำมะพร้าวบรรจุกระป๋อง น้ำมะพร้าวพาสเจอร์ไรส์ ขนมมะพร้าว และอาหารสำเร็จรูป ภายใต้ตราสินค้า Thaicoco และ Cocoburi
ประกอบกับได้รับปัจจัยสนับสนุนจากประเทศจีนโดยเฉพาะออเดอร์จากผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าว นอกจากนี้กลุ่มประเทศอื่นๆ ยังมีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยฐานลูกค้าของ COCOCO มาจากต่างประเทศ 90 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมในกลุ่มประเทศอเมริกาเหนือและใต้ , กลุ่มประเทศยุโรป , กลุ่มประเทศเอเชีย-แปซิฟิก , กลุ่มประเทศเอเชียใต้ , กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง , กลุ่มประเทศโอเชียเนีย และกลุ่มประเทศแอฟริกา
"สำหรับปัจจุบัน COCOCO ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวรายใหญ่รายหนึ่งในประเทศไทย โดยนำน้ำมะพร้าวมาปรุงแต่งตามสูตรที่บริษัทคิดค้นและพัฒนาเองหรือตามสูตรของลูกค้าหรือสูตรที่พัฒนาร่วมกับลูกค้า ทั้งนี้ น้ำมะพร้าว ถือเป็นเครื่องดื่มจากธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสารอาหารวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายครบถ้วน ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นได้ทันทีและปลอดภัย 100% อีกทั้ง มะพร้าวของไทยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ด้วยความโดดเด่นของน้ำมะพร้าวไทย คือ ความอร่อยและหอมหวานเป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนมะพร้าวพันธุ์ใดในโลก ซึ่งส่งผลให้รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวของบริษัทฯ เจริญเติบโตมาอย่างต่อเนื่องในตลาดต่างประเทศ" ดร.วรวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย