อเบอร์ดีนชี้ตลาดไทยยังสดใสส่วนจีนจะกลับมา แม้แนวโน้มตลาดโลกจะถดถอย
บลจ.อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) มองภาพรวมตลาดจีนกลับมาฟื้นตัวหลังเปิดประเทศ ส่วนตลาดไทยยังมีอัพไซด์น่าสนใจ สวนทางเศรษฐกิจโลกยังเผชิญกับปัจจัยรอบด้าน และยังไม่พ้นภาวะถดถอย ด้านเงินเฟ้อน่าจะดีขึ้น
นายเจเรมี่ ลอว์สัน Chief Economist and Head of Research Institute , abrdn เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ยังคงได้รับผลกระทบจากนโยบายด้านการเงินของธนาคารกลางของแต่ละประเทศ จากสถานการณ์โควิด ทำให้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะยังอยู่ในช่วงภาวะถดถอย แต่เป็นสถานการณ์ที่ไม่รุนแรงและจะเกิดกับกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ขณะที่มองว่ากลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่อย่างจีน และเอเชียน่าจะเริ่มกลับสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจภายหลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง
ขณะที่ภาวะเงินเฟ้อจะเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น ซึ่งคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) น่าจะคงดอกเบี้ยอยู่ในระดับ 5% และอาจจะปรับลดลงเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลังได้ ในทางกลับกันภาวะการจ้างงานและค่าแรงจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ภาวะเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ อาจจะทำให้เฟดปรับดอกเบี้ยขึ้นมาอยู่ในระดับที่ 6%ได้ ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อภาพรวมการลงทุนได้
สำหรับภาพรวมของเศรษฐกิจจีนหลังประกาศ zero-covid น่าจะกลับมาสู่ภาวะปกติ และมีนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามมาอย่างต่อเนื่อง แต่หนี้อสังหาริมทรัพย์นจีนยังเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดอยู่ อย่างไรก็ตาม อเบอร์ดีนยังมองว่าตลาดจีนและภูมิภาคเอเชียยังน่าสนใจ และสร้างผลตอบแทนได้ดี แต่ต้องคัดสรรหุ้นคุณภาพที่สร้างผตอบแทนได้สม่ำเสมอ
นางสาวดรุณรัตน์ ภิยโยดิลกชัย หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บลจ.อเบอร์ดีน กล่าวว่าแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยคาดว่าจะมีอัพไซด์ที่ประมาณ 10% จากปัจจัย 3 ด้านด้วยกันคือ 1.การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ 2.การเข้าลงทุนของต่างชาติในตลาดหุ้นไทย3.การเลือกตั้งภายในประเทศ
ทั้งนี้ คาดว่าจีดีพีในปี2566 จะเติบโตที่ประมาณ 3.6% โดยจะได้รับอานิสงส์จากการที่จีนเปิดประเทศทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวของไทยกลับมาเติบโตมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยประมาณ 3-5 ล้านคนในปีนี้
“เศรษฐกิจไทยน่าจะฟื้นตัวได้ดีจากการท่องเที่ยถึงแม้เศรษฐกิจโลกจะเกิดภาวะถดถอยจนกระทบกับการส่งออก แต่การท่องเที่ยวกลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนหลักแทนได้ ขณะที่เม็ดเงินจากต่างชาติมีโอกาสที่จะกลับเข้ามาลงทุนต่อเนื่องจากปีก่อน เป็นผลมาจากแนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาทที่มากจากความต้องการของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ส่วนการเลือกตั้งนั้น จากสถิติที่ผ่านมาหุ้นมักมีการปรับตัวขึ้น ซึ่งต่อจากนั้นจะมีการโฟกัสไปที่นโยบายของรัฐบาลใหม่เป็นหลัก”
ทั้งนี้ อเบอร์ดีน คาดว่าดัชนีตลาดกหุ้นไทยในปีนี้ น่าจะอยู่ในกรอบ 1670-1811 จุด P/E ที่ประมาณ 15-16 เท่า โดยถือเป็นราคาที่น่าสนใจลงทุนและเป็นโอกาสดีในการเข้าลงทุนเพิ่มหากหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีอัพไซด์ที่ไม่สูงมากนัก นักลงทุนควรมีการคัดเลือกหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเพื่อให้มีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่า