EKH ปักธงปั๊มผลงานปี 66 โต 10%เดินเกมรุกขยายเตียงศูนย์ไตเทียม-ลงทุนธุรกิจสุขภาพ
บมจ.เอกชัยการแพทย์ (EKH) ฉายภาพธุรกิจนับจากนี้สดใสต่อเนื่อง รับอานิสงส์จากการขยาย
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ และขยายศูนย์ไตเทียมเพิ่มอีก 14 เตียง รวมถึงศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) กลับมาฟื้นตัว และออกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพเพิ่มช่องทางรายได้ ด้าน “นายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร” ระบุธุรกิจ EKH ไม่หยุดเติบโตแค่เพียงเท่านี้เพราะยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนด้านสุขภาพไม่ยั้ง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ และรองรับการเข้าใช้บริการของประชาชนได้ทั่วถึง พร้อมตอกย้ำเป้ารายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10%
นายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร กรรมการและผู้อำนวยการโรงพยาบาล บริษัท เอกชัยการแพทย์จำกัด (มหาชน) (EKH) ผู้ประกอบธุรกิจสถานพยาบาลเอกชนในจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจบริษัทฯ ปี 2566 เชื่อว่าจะยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เนื่องจาก EKH มีเป้าหมายขยายส่วนงานด้านสุขภาพต่าง ๆ รวมถึงลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและสามารถรองรับการเข้าใช้บริการของประชาชนได้ทั่วถึง โดยปีนี้มีแผนขยายศูนย์ไตเทียมเพิ่มอีก 14 เตียงรวมเป็น 24 เตียง และออกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพภายใต้แบรนด์ของโรงพยาบาลเอกชัย เพื่อเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้
นอกจากนี้โรงพยาบาลคูน ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีผลประกอบการที่ดี ซึ่งช่วยผลักดันรายได้ให้เติบโตเพิ่มขึ้น ส่วนศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) หลังจากที่จีนลดมาตรการกักตัวและเปิดประเทศ จะทำให้ EKH ได้รับประโยชน์จากลูกค้าชาวจีนที่คาดว่าจะเข้ามาใช้บริการศูนย์IVF โดยคาดว่าชาวจีนจะสามารถเดินทางเข้ามาประเทศไทยได้ในช่วงกลางปี 2566 หรืออย่างเร็วคือปลายไตรมาส 2/2566 ทำให้มั่นใจว่าจะช่วยสนับสนุนให้การเติบโตของรายได้ และกำไรเพิ่มขึ้น ซึ่งมั่นใจปี 2566 รายได้จากการดำเนินธุรกิจจะเติบโตตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 10%
การที่รัฐบาลจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ทำให้คนจีนเดินทางออกท่องเที่ยวต่างประเทศได้ ถือว่าเป็นผลดีกับ EKH เนื่องจากเชื่อว่าลูกค้าชาวจีนน่าจะกลับมาใช้บริการศูนย์ IVF อย่างคึกคัก ซึ่งจะทำให้ธุรกิจของ EKH มีแนวโน้มดียิ่งขึ้น และคาดว่าจะสามารถเดินทางเข้ามาประเทศไทยได้ในช่วงกลางปี 2566 หรือปลายไตรมาส 2/2566 จึงเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาพรวมธุรกิจ ซึ่งมีโอกาสเติบโตอย่างโดดเด่น” นายแพทย์อำนาจกล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2565 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565) ของบริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 551.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.88 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันกับปีก่อน มีกำไรสุทธิเท่ากับ 344.83 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 1,491.34 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 24.17 % เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,201.03 ล้านบาท
ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทฯ จึงได้มีมติอนุมัติให้จ่ายปันผล สำหรับงวดปี 2565 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นหุ้นปันผล ในอัตรา 40 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล พร้อมทั้งเงินสดปันผล ในอัตราหุ้นละ 0.32 บาท รวมจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.3325 บาท รวมจ่ายปันผลทั้งสิ้น 224.40 ล้านบาท โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 8 พ.ค.66 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 19 พ.ค.66