NER กำไร 9 เดือน ทะลุ 1.2 พันล้านบาทตอกย้ำปี 2567 โตตามเป้า
บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER แจ้งงบ 9 เดือน กำไรสุทธิ 1,293.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.31% โดยรายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 18,514.43 ล้านบาท ในผลิตภัณฑ์ยางแท่ง (STR20, STR-Mixture) ที่บริษัทฯได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ มั่นใจปี 2567 โตตามเป้าหมาย จากราคายางพาราเริ่มมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีปริมาณขาย 303,077 ตัน ลดลง 66,400 ตัน หรือลดลง 17.97% คิดเป็นรายได้จากการขายรวม18,514.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.53 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 0.40% โดยงวด 9 เดือนของปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,293.14 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 6.98% ของรายได้จากการขายรวม โดยเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 209.27 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19.31%
ด้านผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส3/2567 สำหรับงวด 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีปริมาณขาย 98,006 ตัน ลดลง 14,420 ตัน หรือลดลง 12.83 % คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 6,163.35 ล้านบาท ลดลง 535.43 ล้านบาทหรือลดลง 9.51% โดยกำไรสุทธิสำหรับงวดไตรมาส 3/2567บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 360.78 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.85% ของรายได้จากการขายรวม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 48.51 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น15.54%
สำหรับรายได้จากการขายงวด 9 เดือนของปี 2567 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.40 ซึ่งเป็นการลดลงด้านปริมาณขายอยู่ที่ 3,313.53 ล้านบาท ในผลิตภัณฑ์ยางแท่ง (STR20, STR-Mixture) ที่บริษัทฯได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าต่างประเทศเป็นสำคัญ ทำให้สัดส่วนยอดขายต่างประเทศลดลงจาก 35% ในปี 2566 เป็น 25% ในปี 2567 และผลต่างด้านราคาเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3,387.65 ล้านบาท
ด้านภาพรวมปี 2567 นั้นมั่นใจว่ามีรายได้ทั้งปีจะเติบโตเป้า จากมีปริมาณขาย 440,000 ตัน โดยมีแนวโน้มคำสั่งซื้อที่ดีขึ้น ได้ปัจจัยบวกจากราคายางพาราที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูง ซึ่งปัจจุบันมีคำสั่งซื้อ (Order) ล่วงหน้าครอบคลุมถึงไตรมาส 1/2568