SAM บริษัทบริหารสินทรัพย์ของคนไทย ปิดดีลขายหุ้นกู้ครั้งแรก 2,500 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้าสะท้อนความเชื่อมั่นที่ผู้ลงทุนมีต่อ SAM

SAM บริษัทบริหารสินทรัพย์ของคนไทย ปิดดีลขายหุ้นกู้ครั้งแรก 2,500 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้าสะท้อนความเชื่อมั่นที่ผู้ลงทุนมีต่อ SAM

นายธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM เปิดเผยว่า SAM ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ (Institutional Investors and High Net Worth Investors) ในการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งแรก ประเภทหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน วงเงิน 2,500 ล้านบาท อายุ 3-7 ปี เมื่อเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยมียอดจองเกินเป้าหมาย ถือเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนที่มีต่อ SAM  ที่สะท้อนถึงบทบาทในการเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ของรัฐเพียงแห่งเดียวที่ทำหน้าที่เป็นกลไกของรัฐ ในการดำเนินนโยบายที่สำคัญด้วยการเข้าซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงิน เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน

สำหรับหุ้นกู้ที่ SAM เสนอขายครั้งแรกนี้ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้จาก บริษัททริสเรทติ้ง จำกัด ที่ระดับ AA+ โดยแบ่งเป็น 3 ชุด ได้แก่ ชุดที่ 1 มูลค่า 800 ล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 2.86 ต่อปี ชุดที่ 2 มูลค่า 1,000 ล้านบาท อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 3.17 ต่อปี และชุดที่ 3 มูลค่า 700 ล้านบาท อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 3.43 ต่อปี

นายธรัฐพร กล่าวเพิ่มเติมว่า โอกาสนี้ SAM ต้องขอขอบคุณผู้ลงทุนทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจและให้ความสนใจจองซื้อหุ้นกู้ของ SAM และขอขอบคุณ ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้ ให้ประสบความสำเร็จอย่างราบรื่น  สำหรับเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ SAM ในฐานะเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ภาครัฐที่เป็นเครื่องมือสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ มีบทบาทสำคัญและเป็นหนึ่งวงล้อฟันเฟืองหลักในการแก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ จะนำเงินไปซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงิน และนำมาบริหารจัดการภายใต้ปรัชญาการดำเนินธุรกิจของSAM ที่นำหลักคิดจากโครงการในพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 “โครงการแก้มลิง” ที่เปรียบเสมือนการดูดซับหนี้เสียของประเทศมาเก็บไว้ในบ่อพัก “บ้าน SAM” และบำบัดหนี้เสียเหล่านั้น ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ และบริหารสินทรัพย์เหล่านั้นให้มีคุณภาพผ่าน “กังหันน้ำชัยพัฒนา” เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สิน ดูแลยกระดับคุณภาพชีวิตช่วยเหลือลูกค้าที่กำลังเดือดร้อนและประสบปัญหาด้านเครดิต  ให้สามารถกลับมาพลิกฟื้น “อยู่รอด อยู่ได้ อยู่เติบโต อยู่ยั่งยืน” อย่างมีคุณภาพ อันจะส่งผลต่อความมั่นคงของระบบสถาบันการเงินและเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม

ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือองค์กร ของ SAM ที่ระดับ AA+ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 นับตั้งแต่ปี 2563  โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะของ SAM ซึ่งเป็นองค์กรที่มีความสำคัญ(Importance) กับภาครัฐในระดับ “สำคัญมาก” (Very Important) และมีความสัมพันธ์  (Linkage) ในระดับ “สูงสุด” (Integral) กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฯ) จาก“เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตองค์กรที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ”  โดยความสัมพันธ์และความสำคัญของ SAM ที่มีต่อกองทุนฯ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รับการสนับสนุนจากบทบาทในการเป็นตัวแทนของ ธปท. ในการดำเนินนโยบายที่สำคัญในฐานะบริษัทบริหารสินทรัพย์ของรัฐเพียงแห่งเดียวที่มีหน้าที่ช่วยรักษาเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินด้วยการเข้าซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างที่สำคัญในการรับมือกับหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นมากในระบบสถาบันการเงินผ่านการปรับโครงสร้างหนี้   นอกจากนี้ SAM ยังมีบทบาทที่เด่นชัดอีกบทบาทหนึ่งคือ การเป็นหน่วยงานกลางในการดำเนินการ“โครงการคลินิกแก้หนี้” ซึ่งริเริ่มโดย ธปท. เพื่อส่งเสริมการปรับโครงสร้างหนี้โดยสมัครใจสำหรับลูกค้ารายย่อยที่เป็นหนี้เสียบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันอีกด้วย

ข่าวเกี่ยวข้อง