เมืองไทยประกันชีวิตขานรับการลดขยะขวดพลาสติก ผลิตผ้าห่มอัพไซคลิงเพื่อคนไทย

เมืองไทยประกันชีวิตขานรับการลดขยะขวดพลาสติก ผลิตผ้าห่มอัพไซคลิงเพื่อคนไทย

เมืองไทยประกันชีวิต และมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ยืนความเป็นหนึ่งการตอบแทนสังคม ประกาศนโยบายสนับสนุนการลดปริมาณขยะขวดพลาสติกนำมาผลิตเป็นผ้าห่ม  สานต่อในโครงการ  “ห่มรัก” ปีที่ 13 มอบผ้าห่มอัพไซคลิง (Upcycling) เมืองไทยประกันชีวิตและมูลนิธิเมืองไทยยิ้มแก่ผู้ประสบภัยหนาว  ผ้าห่มกันหนาว 1 ผืน ผลิตจากขวดพลาสติกที่ใช้แล้วขนาด 1.5 ลิตร  จำนวน 11  ขวด

นายสาระ ล่ำซำ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดีและการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม  โดยคำนึงถึงการสร้างความสมดุลทั้งในมิติเศรษฐกิจ  สังคมและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด   สิ่งหนึ่งที่บริษัทฯ คงนโยบายและให้ความสำคัญคือการตอบแทนสังคมในด้านต่างๆ  เพราะบริษัทฯ เล็งเห็นว่าการที่ธุรกิจจะสามารถดำรงอยู่และเติบโตได้นั้น ก็ต้องพึ่งพาสังคมและทรัพยากรที่มีอยู่บนโลก ธุรกิจที่เติบโตขึ้นจึงมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบและตอบแทนสังคมที่ให้การสนับสนุนทรัพยากรที่ธุรกิจได้ใช้ไป

ในโอกาสนี้ บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมสานต่อโครงการ “ห่มรัก” ปีที่ 13 มอบผ้าห่มอัพไซคลิงให้แก่ประชาชนที่ประสบภัยหนาวในหลายจังหวัด  เพื่อขานรับนโยบายภาครัฐในการลดปริมาณขยะจากขวดน้ำพลาสติกที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน บริษัทฯ จึงได้ผลิตผ้าห่มขึ้นใหม่ที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม   ด้วยการตระหนักถึงปัญหาด้านขยะและการใช้พลาสติกมากมาย  สำหรับผ้าห่มอัพไซคลิงกันหนาวเมืองไทยประกันชีวิตและมูลนิธิเมืองไทยยิ้มนั้น  นำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ใหม่ ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญกับการนำวัสดุที่ไม่ได้ใช้แล้วกลับมามีคุณค่าในการใช้งานอีกครั้งอย่างมีคุณภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ผ้าห่มดังกล่าวผลิตขึ้น โดยวิสาหกิจชุมชนบ้านวัดจากแดงเศรษฐกิจพอเพียง  ต.ทรงคนอง            อ.พระประแดง  จ.สมุทรปราการ  ซึ่งผ้าห่มกันหนาว 1 ผืน จะผลิตจากขวดพลาสติกที่ใช้แล้วขนาด 1.5 ลิตร จำนวน 11 ขวด  และบริษัทฯ ยังได้เพิ่มความหนาของผ้าห่มเป็น 280 GSM (Gram Per Square Meter)  ทำให้มีความทนทานและมีความหนาเพียงพอที่จะให้ความอุ่นในช่วงเวลาหนาว นอกจากนี้ยังมีผลในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงถึง 0.99 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า   ซึ่งคุณลักษณะดังกล่าวนี้ทำให้ผ้าห่มไม่เพียงแค่อบอุ่นและมีคุณภาพดีต่อผู้ใช้งาน แต่ยังมีผลในการส่งเสริมความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการผลิตผ้าห่มอัพไซคลิง (Upcycling) 1 ผืนเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ใหญ่ถึง 0.11 ต้น

นโยบายการลดปริมาณขยะด้วยการนำขวดพลาสติกมาผลิตผ้าห่มเป็นมาตรการที่มีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม  ทั้งในด้านลดปริมาณขยะที่นำมาฝังกลบ  การนำขวดพลาสติกมาใช้ในการผลิตผ้าห่มช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องจัดการ  การลดความจำเป็นในการผลิตพลาสติกใหม่  ซึ่งช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและพลังงานที่ต้องใช้ในกระบวนการผลิต  ทำให้มีผลต่อการลดการสร้างก๊าซเรือนกระจก ซึ่งมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลก  ตลอดจนการนำขวดพลาสติกมาใช้ในการผลิตผ้าห่มสามารถสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในรูปแบบของอุตสาหกรรมการรีไซเคิล และการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาในกระบวนการผลิต

"โครงการ 'ห่มรัก' ปีที่ 13 นี้เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของเมืองไทยประกันชีวิตที่ร่วมมือกับมูลนิธิเมืองไทยยิ้มเป็นโอกาสที่เราสามารถสร้างความดีได้ร่วมกันในการตอบแทนสังคม  ไม่เพียงแค่ช่วยลดปริมาณขยะ แต่ยังสามารถสร้างความอบอุ่นและเป็นการดูแลช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยหนาวในต่างจังหวัด  ทั้งนี้เรายังคงสานต่อโครงการเพื่อสังคมในด้านต่างๆ ทั้งในมิติสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศอย่างให้มั่นคงและยั่งยืน"  นายสาระ กล่าวสรุป.

ข่าวเกี่ยวข้อง