SCB PRIVATE BANKING โชว์ผลงานปี 2563ต่อยอดความมั่งคั่งให้ลูกค้า

SCB PRIVATE BANKING โชว์ผลงานปี 2563ต่อยอดความมั่งคั่งให้ลูกค้า

SCB PRIVATE BANKING (เอสซีบี ไพรเวทแบงก์กิ้ง) ประกาศความสำเร็จด้านการให้บริการด้านการเงินการลงทุนส่วนบุคคลแก่กลุ่มลูกค้าไพรเวทแบงก์กิ้งที่มีความมั่งคั่งระดับสูง (High Net Worth) ผสานพลังทีมที่ปรึกษาด้านการเงินการลงทุนส่วนบุคคลระดับมืออาชีพ Chief Investment Office (SCBS CIO Office) จาก บล. ไทยพาณิชย์ ล่าสุด เผยผลงานเด่นปี 2563 ในการให้คำแนะนำด้านกลยุทธ์และการบริหารพอร์ตการลงทุนแก่กลุ่มลูกค้าไพรเวทแบงก์กิ้ง จนสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้สูงถึง14.90% ในระยะเวลา 1 ปี (1 ม.ค. – 31 ธ.ค. 2563) โดยนับเป็นอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่ากองอื่น ๆ ในการลงทุนประเภทความเสี่ยงปานกลางตามนิยามของ AIMC* โดยค่ากลางของกลุ่มดังกล่าวอยู่ที่-1.06%** และเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนหุ้นในประเทศ (SET TRI Index) จะได้รับผลตอบแทนเพียง-5.24% พร้อมเปิดลิสต์ 5 กองทุน Mega trends (เมกะ เทรนด์) ยอดนิยมที่ลูกค้าไพรเวทแบงก์กิ้งเลือกลงทุนในปี 2563 ที่ผ่านมา

ดร.เมธินี จงสฤษดิ์หวัง รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Private Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมา เป็นที่ทราบกันดีว่าตลาดการเงินการลงทุนทั่วโลกเผชิญความผันผวนอย่างสูงจากสาเหตุของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทางธนาคารได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่องแก่ลูกค้าในด้านกลยุทธ์การบริหารและปรับพอร์ตการลงทุน โดยในปีที่ผ่านมา (1 ม.ค. – 31 ธ.ค. 2563) พอร์ตการลงทุนประเภทความเสี่ยงปานกลาง (Moderate Asset Allocation) สามารถทำผลตอบแทนจากการลงทุนได้ถึง 14.90% ในระยะเวลา 1 ปี (1 ม.ค. – 31 ธ.ค. 2563) โดยนับเป็นอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่ากองอื่น ๆ ในการลงทุนประเภทความเสี่ยงปานกลางตามนิยามของAIMC* โดยค่ากลางของกลุ่มดังกล่าวอยู่ที่ -1.06%** และเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนหุ้นในประเทศ(SET TRI Index) จะได้รับผลตอบแทนเพียง -5.24% โดยพอร์ตการลงทุนนี้เป็นการลงทุนแบบผสมในผลิตภัณฑ์ทั้งจากบริษัทในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Group) และจากบริษัทพันธมิตรรายอื่น ๆ ในรูปแบบของ Open Architecture โดยไทยพาณิชย์ได้ดำเนินนโยบายเรื่อง Open Architecture มาแล้วกว่า 5 ปี เพื่อคัดสรรผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า”

 นายศรชัย สุเนต์ตา CFA กรรมการผู้จัดการ Chief Investment Office บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์จำกัด (SCBS CIO) กล่าวว่า “ทีมที่ปรึกษาด้านการเงินการลงทุนส่วนบุคคลจาก Chief Investment Office (SCBS CIO Office) ได้ให้คำแนะนำในการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างเหมาะสมภายใต้สภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา โดยพอร์ตการลงทุนประเภทความเสี่ยงปานกลางที่เราแนะนำ มีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนทั้งกองทุนตราสารหนี้, กองทุนตราสารทุน และกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก ทำให้พอร์ตมีความยืดหยุ่นสูงเหมาะกับสภาวะตลาดที่มีความผันผวนผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่นที่ผสมอยู่ในพอร์ตในปีที่ผ่านมาจะเป็นกองทุนตราสารทุน และกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก เช่น กองทุน SCBGOLD ที่เน้นลงทุนในทองคำ, กองทุน KFACHINA ที่เน้นลงทุนในหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ (A Shares), กองทุน PRINCIPAL GOPP เน้นลงทุนในหุ้นเติบโตทั่วโลก ในขณะที่กองทุนตราสารหนี้ที่ผสมอยู่ในพอร์ตทำหน้าที่ลดความผันผวนของพอร์ตและสร้างความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตการลงทุน”

“สำหรับพอร์ตการลงทุนในปี 2564 ทางไทยพาณิชย์แนะนำให้ลูกค้ามีการจัดพอร์ตการลงทุนที่เน้นกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม โดยพอร์ตประเภทความเสี่ยงปานกลาง (Moderate Asset Allocation) แนะนำแบ่งเป็นสัดส่วนหุ้นต่อตราสารหนี้ไว้ในสัดส่วน 60% ต่อ 40% ซึ่งเป็นไปตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะทยอยปรับตัวดีขึ้นภายหลังจากการกระจายวัคซีน COVID-19 ให้แก่ประชากรทั่วโลก” นายศรชัย กล่าวเสริม 

ดร.เมธินี กล่าวเสริมว่า  “ในปี 2564 นี้ SCB PRIVATE BANKING ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านการให้คำปรึกษาเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันธุรกิจไพรเวทแบงก์กิ้ง หนึ่งในธุรกิจหลักที่เป็นยุทธศาสตร์องค์กรที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดย SCB PRIVATE BANKING มีทีมที่ปรึกษาด้านการเงินและการลงทุนส่วนบุคคลระดับมืออาชีพทั้งที่ธนาคารไทยพาณิชย์และบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ เพื่อพร้อมให้คำแนะนำด้านการลงทุนที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ(Personalized Investment Portfolios) สอดคล้องกับความต้องการและระดับความเสี่ยงในการลงทุนของลูกค้าแต่ละท่าน โดยลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการลงทุน(Relationship managers) ของท่าน”

ข่าวเกี่ยวข้อง