WP กำไรปี 63 แกร่งเหตุคุมต้นทุนได้ดีมีลูกค้าเพิ่ม
บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) เรียกรอยยิ้มให้กับผู้ถือหุ้น โชว์ผลงานปี 63 กำไรแตะ166.74 ล้านบาท สะท้อนฝีมือการบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้เผชิญสถานการณ์โควิด-19 โดย ฐานลูกค้ายังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้าน“ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง” มองแนวโน้มธุรกิจปีนี้ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ธุรกิจอาหารจะช่วยเพิ่มความสามารถทำกำไรในอนาคต ส่วนธุรกิจจัดจำหน่ายก๊าซ LPG ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง
นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่จำกัด (มหาชน) หรือ WP เปิดเผยว่า แม้ปี 63 สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมทั่วโลก รวมถึงผู้ประกอบการในภาคธุรกิจต่างๆ แต่ภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯ ถือว่ายังเติบโตอยู่ในทิศทางบวก โดยผลการดำเนินงานงวดปี 63 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 63) ของบริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 166.74 ล้านบาท ลดลง 122.33 ล้านบาท หรือ ลดลง 43.32% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 289.06 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 11,877.81 ล้านบาท ขณะที่รายได้อื่นๆ เท่ากับ 194.36 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 5.4%
“ภาพรวมธุรกิจปีที่ผ่านมา บริษัทฯมีกำไรสุทธิลดลงเมื่อเทียบกับปี 62 เนื่องจากในระหว่างปี 2563 บริษัทฯได้รับผลกระทบจากการปรับราคาลงของ LPG ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีภาระต้นทุนของ สินค้าคงเหลือก่อนปรับราคา นอกจากนี้ในปี 2562 บริษัทฯมีรายการพิเศษเป็นรายได้จากกำไรจากการขายที่ดินจำนวน 1 แปลงมูลค่า103.37 ล้านบาท ดังนั้นหากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว ถือว่าบริษัทฯยังคงทำผลงานได้ดี และเติบโตในทิศทางบวก แม้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะมีผลทำให้รายได้ลดลง แต่อัตรากำไรขั้นต้น (Margin) ถือว่ายังคงทำได้ดี จากกลยุทธ์เพิ่มยอดขายไปในกลุ่มที่มี ศักยภาพสูง อีกทั้งยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงธุรกิจอาหารที่ช่วยเพิ่ม Margin ให้กับกลุ่มบริษัทฯในอนาคต “
ณ สิ้นปี 2563 บริษัทฯ ยังคงมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่งด้วยสินทรัพย์จำนวน 6,271.33 ล้านบาท EBITDA 566.34 ล้านบาท มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(Debt/Equity)เท่ากับ 3.85 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (Interest Bearing Debt/Equity) เท่ากับ 0.44 เท่า โดยในปี 2563 บริษัทฯมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการปี 2562 ในอัตรารวม 0.25 บาท/หุ้น และมีซื้อหุ้นคืนจำนวน 47.78 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ประเมินว่าภาพรวมธุรกิจปีนี้ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยบริษัทฯจะได้แรงหนุนจากธุรกิจอาหารที่ช่วยเพิ่ม Margin ให้กับกลุ่มบริษัทฯ และธุรกิจจัดจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ซึ่งถือเป็นธุรกิจหลัก ที่เป็นหัวใจสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของบริษัทฯ ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังคงมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อต่อยอดรายได้และสร้างฐานธุรกิจให้แข็งแกร่งตามแผนที่ได้วางไว้ เพื่อรักษาอัตราการทำกำไร และเพิ่มยอดขายในอนาคตให้มากขึ้น ถือเป็นการสอดรับกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอยู่ในขณะนี้ โดยผู้บริหารยังคงยึดมั่นที่จะบริหารธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนทั้งในส่วนของกำไรและรายได้ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ถือหุ้นต่อไป