กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล (Prudential Plc) แถลงผลการดำเนินงานปี 2564 เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ผลการดำเนินงานในประเทศไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่งผ่านการขยายผลิตภัณฑ์และบริการ และการขายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางธนาคาร (แบงก์แอสชัวรันส์)
• อันดับส่วนแบ่งทางการตลาดขึ้นจากอันดับ 8 เป็นอันดับ 6
• เบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (APE) เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของธุรกิจ ซึ่งสะท้อนความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจร่วมกับธนาคารพันธมิตร
• กำไรจากธุรกิจใหม่เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ร้อยละ 129 จากปัจจัยการเติบโตของยอดขาย ทั้งจากผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความคุ้มครอง และประกันชีวิตควบการลงทุน รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
• ส่วนแบ่งทางการตลาดในช่องทางการขายผ่านธนาคารเติบโตจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 14 ส่งผลให้พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 สำหรับช่องทางการขายผ่านธนาคาร
• ยอดขายธุรกิจประกันชีวิตกลุ่มสวัสดิการพนักงานเติบโตถึงร้อยละ 76
นายไมค์ เว็ลส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียลมีการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพและแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นผลมาจากการวางตำแหน่งทางกลยุทธ์ใหม่ในธุรกิจของเรา ที่มุ่งเน้นการทำธุรกิจในภูมิภาคเอเชียและแอฟริกาเป็นหลัก โดยเราได้ให้บริการลูกค้าของเราในช่วงวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างดีที่สุด และผมต้องขอขอบคุณพนักงานและตัวแทนของเราทุกคนเป็นอย่างสูง สำหรับความทุ่มเทในการทำงานอย่างหนักตลอดมา ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียลได้มีการประกาศไปก่อนหน้านี้ว่าผมจะเกษียณจากตำแหน่งปัจจุบันในปลายเดือนมีนาคม 2565 นี้ผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับพนักงานและคณะกรรมการของกลุ่มบริษัทฯ และจะหมั่นติดตามความก้าวหน้าและความสำเร็จของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียลในอนาคตต่อไป”
“ธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย กระจายกันไปในหลายภูมิภาค ผนวกกับการปรับเปลี่ยนไปสู่รูปแบบดิจิทัลของเราเป็นปัจจัยให้ยอดเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี(APE)3 เติบโตร้อยละ 86 และส่งผลให้ธุรกิจของเราเติบโต 10 ใน 14 ประเทศ7 ถึงแม้ว่าต้องเผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ธุรกิจใหม่ในฮ่องกงยังคงได้รับผลกระทบจากการปิดชายแดนของสาธารณรัฐประชาชนจีน หากไม่นับรวมฮ่องกง เบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (APE) มีการเติบโตร้อยละ 166 จากการดำเนินธุรกิจต่าง ๆ ของเราในสาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย โดยมีกำไรจากธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 136 จากการผสมผสานผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีขึ้น ซึ่งส่งผลต่ออัตรากำไร และการเติบโตของยอดขายจากธุรกิจใหม่
“ธุรกิจที่มีศักยภาพสูงของกลุ่มพรูเด็นเชียล เมื่อพิจารณาจากรายได้จากเบี้ยประกันภัยรายงวด การมุ่งเน้นด้านสุขภาพและความคุ้มครอง อัตราการคงอยู่ของลูกค้าที่สูง เป็นแรงขับที่ทำให้เกิดการเจริญเติบโตทางธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจประกันชีวิตต่าง ๆ ของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียลสามารถเพิ่มผลกำไรจากการดำเนินงานหลังการปรับปรุง5 ร้อยละ 86 แม้ว่าจะมีการเรียกร้องสินไหมที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 เป็นจำนวนมากก็ตาม โดย 7 ใน 14 ประเทศ มีการเติบโตในส่วนของกำไรจากการดำเนินงานหลังปรับปรุง5 เป็นตัวเลขถึงสองหลัก6 นอกจากนี้ กำไรจากการดำเนินงานหลังการปรับปรุงของอีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ มีการเติบโตถึงร้อยละ 106 โดยมีทรัพย์สินภายใต้การบริหารกว่า 258 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีเงินลงทุนไหลเข้าจากธุรกิจประกันชีวิตต่าง ๆ ของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียลอย่างต่อเนื่อง หากนับรวมทั้งธุรกิจประกันชีวิตและธุรกิจบริหารสินทรัพย์ กำไรจากการดำเนินงานหลังปรับปรุง5 เติบโตขึ้นร้อยละ 86 และเติบโตร้อยละ 76 สำหรับส่วนเกินทุนจากการดำเนินงาน โดยหลังจากการดำเนินการตามแผนการประหยัดต้นทุนส่วนกลาง กำไรจากการดำเนินงานหลังการปรับปรุงสุทธิของกลุ่มบริษัทฯ มีการเติบโตถึงร้อยละ 166
“กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียลจะยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนระยะยาวในผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ การขยายศักยภาพด้านช่องทางการจัดจำหน่าย และการเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัล เพื่อสร้างจุดยืนในฐานะผู้นำด้านช่องทางตัวแทนและการขายผ่านช่องทางธนาคาร และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ ๆ ความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของเราเป็นปัจจัยที่ดึงดูดลูกค้าใหม่ที่ไม่ได้เป็นลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ของพรูเด็นเชียลแต่เดิมกว่า 2.5 ล้านรายในปี 2564 และเป็นปัจจัยที่เพิ่มฐานลูกค้าของเราเป็น 18.6 ล้านราย(จาก 17.4 ล้านรายในปี 2563 โดยไม่นับรวมแจ็คสัน) โดยจำนวนกรมธรรม์ของธุรกิจใหม่ที่ขายให้แก่ทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ มีจำนวนเพิ่มขึ้น 3.9 ล้านกรมธรรม์ คิดเป็นร้อยละ 16 และอีก 109,000 กรมธรรม์ซึ่งขายให้แก่ลูกค้าโดยตรงผ่านช่องทางดิจิทัล รวมถึง Pulse ในจำนวนนี้ กว่า 2.2 ล้านกรมธรรม์เป็นกรมธรรม์ประกันสุขภาพและความคุ้มครอง ซึ่งสะท้อนถึงความเอาใจใส่ในสุขภาพที่มากยิ่งขึ้นของลูกค้าในช่วงสถานการณ์ของการแพร่ระบาด
“นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียลยังได้ดำเนินการวางตำแหน่งทางกลยุทธ์ใหม่เสร็จสมบูรณ์ เพื่อมุ่งเน้นการทำธุรกิจเฉพาะในภูมิภาคเอเชียและแอฟริกา โดยในไตรมาสที่ 4 เราประสบความสำเร็จในการระดมทุนผ่านการขายหุ้นสามัญในฮ่องกงเป็นจำนวน 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และในเดือนธันวาคม 2564 และมกราคม 2565 กระแสเงินสดที่ได้จากการออกหุ้นสามัญนี้ได้นำมาใช้ในกระบวนการลดภาระหนี้จำนวน 2.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการดำเนินการเหล่านี้ บวกกับภาระดอกเบี้ยที่ลดลง เป็นปัจจัยที่ยกระดับความคล่องตัวทางการเงินของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล ส่งผลให้สามารถขยายโอกาสการลงทุนเพื่อการเจริญเติบโตทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชียและแอฟริกาได้มากยิ่งขึ้น
“เราก้าวเข้าสู่ปี 2565 ด้วยงบดุลการเงินและสถานะเงินทุนที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม การเปิดชายแดนฮ่องกงยังคงไม่มีกำหนดที่แน่นอน และโรคโควิด-19 จะยังคงส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องต่อไป นอกจากนี้ปัญหาความขัดแย้งในยูเครนอาจจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสภาพเศรษฐกิจและตลาดโลก รวมไปถึงความสัมพันธ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียลเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจแบบหลากหลายช่องทาง และการมุ่งเน้นด้านธุรกิจที่มีคุณภาพ และความมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติการทางธุรกิจ จะเป็นหัวใจสำคัญในการรับมือกับปัจจัยผันผวนภายนอกที่อาจส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ เรามีความมั่นใจว่า การลงทุนในธุรกิจใหม่ของเรา รวมถึงการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและการพัฒนาผลิตภัณฑ์จะยังคงตอบสนองความต้องการของลูกค้าของเรา และสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว”
นายโรบิน สเปนเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล ประเทศไทย กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียลเล็งเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย และให้ความสำคัญกับประเทศไทยในฐานะตลาดหลักที่มีการเติบโตสูง โดยมีการลงทุนต่อเนื่องในระบบเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยยะสำคัญ เป้าหมายของเราในการส่งมอบผลิตภัณฑ์การออมและสุขภาพ เป็นปัจจัยในการเติบโตแบบก้าวกระโดดของพรูเด็นเชียลประเทศไทย ซึ่งผมมีความภูมิใจเป็นอย่างมาก
เป้าหมายในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพที่สามารถเข้าถึงได้และมีความสามารถในการแข่งขันรวมถึงการทำให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าถึงได้ และในราคาที่ย่อมเยา เป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตของธุรกิจในปี 2564 และเราให้คำมั่นว่า จะทำตามเจตนารมณ์ที่เราตั้งไว้ให้มากยิ่งกว่าเดิมในปี 2565 นี้
การลงทุนเพื่ออนาคตในแพลตฟอร์มสุขภาพด้านดิจิทัลของเราอย่างแอปพลิเคชัน “Pulse by Prudential” คือข้อพิสูจน์ในคำมั่นสัญญาของเรา เพราะแอปฯ สามารถใช้งานได้ฟรี และได้รับการดาวน์โหลดแล้วมากกว่า 3.1 ล้านครั้งในประเทศไทย โดยในปีนี้ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย จะเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพื่อการดูแลสุขภาพของผู้หญิง ซึ่งจะสอดคล้องกับการการวางจุดยืนของแบรนด์ในการเสริมสร้างพลังให้แก่ผู้หญิงในสังคมไทย”
หมายเหตุ
1. การดำเนินงานอันต่อเนื่องหมายถึงการดำเนินงานในภูมิภาคเอเชีย แอฟริกา และสำนักงานใหญ่ของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล หลังจากการแยกกิจการกับแจ็คสัน
2. ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฐานอัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริงและคงที่มีระบุไว้ในหมายเหตุ A1 ของงบการเงินIFRS
3. เบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (APE) เป็นหน่วยวัดของกิจกรรมธุรกิจรายใหม่ที่ประกอบด้วยยอดรวมของเบี้ยประกันภัยปกติรายปี และหนึ่งในสิบของเบี้ยประกันภัยชำระครั้งเดียวสำหรับธุรกิจรายใหม่ซึ่งผลิตได้ระหว่างปี ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ประกันภัยทั้งหมด รวมถึงเบี้ยประกันภัยสำหรับสัญญาที่กำหนดเป็นสัญญาประเภทลงทุนภายใต้ IFRS 4 ซึ่งมิได้แสดงถึงรายได้เบี้ยประกันภัยที่บันทึกไว้ในงบการเงิน IFRS โปรดดูหมายเหตุ II ของข้อมูลทางการเงินเพิ่มเติมที่ยังไม่ได้ตรวจสอบสำหรับคำอธิบายเพิ่มเติม
4. กำไรจากธุรกิจใหม่หลังหักภาษีของธุรกิจที่ขายในช่วงเวลานั้น คำนวณตามมาตรฐานของ EEV
5. ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ 'กำไรจากการดำเนินงานหลังการปรับปรุง' หมายถึงกำไรจากการดำเนินงานตามมาตรฐานบัญชี IFRS ที่ปรับปรุงแล้วโดยอิงจากผลตอบแทนการลงทุนระยะยาวจากการดำเนินงานต่อเนื่อง การวัดผลการดำเนินงานทางเลือกนี้จะกระทบยอดกับกำไรตามมาตรฐานบัญชี IFRS สำหรับงวด ในหมายเหตุ B1.1 ของงบการเงิน IFRS
6. บนพื้นฐานอัตราแลกเปลี่ยนคงที่
7. 13 ประเทศในเอเชีย รวมถึงแอฟริกา
8. ส่วนเกินทุนจากการดำเนินงานที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจประกันภัยและการจัดการสินทรัพย์ก่อนการปรับโครงสร้างต้นทุน สำหรับการดำเนินงานธุรกิจประกันภัย ส่วนเกินทุนจากการดำเนินงานหมายถึงจำนวนเงินที่เกิดขึ้นจากธุรกิจที่ยังมีผลบังคับในระหว่างปีคิดสุทธิจากจำนวนเงินที่นำกลับมาลงทุนใหม่ในการขายธุรกิจรายใหม่ และไม่รวมรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน สำหรับธุรกิจบริหารสินทรัพย์จะเท่ากับกำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษีสำหรับปี ต้นทุนการปรับโครงสร้างจะแสดงแยกต่างหากจากจำนวนหน่วยธุรกิจ ข้อมูลเพิ่มเติมระบุไว้ใน 'ความเคลื่อนไหวของส่วนเกินทุนของกลุ่มบริษัทฯ' ที่ได้รายงานไว้ตามมาตรฐานของ EEV
9. หลังจากหักค่าธรรมเนียมการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มทุนแล้ว