การเคหะแห่งชาติ เดินหน้านำระบบ “การเงินที่ยืดหยุ่น” ยกระดับคุณภาพผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัย

การเคหะแห่งชาติ เดินหน้านำระบบ “การเงินที่ยืดหยุ่น” ยกระดับคุณภาพผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัย

การเคหะแห่งชาติสร้างระบบการเงินที่ยืดหยุ่น พร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลงภายใต้  “โครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย” ยกระดับคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบางตั้งเป้าประชาชนกว่า 2.27 ล้านครัวเรือน เข้าถึงที่อยู่อาศัยได้มาตรฐาน ควบคู่กับการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในชุมชนทุกมิติ

นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เปิดเผยว่า การเคหะแห่งชาติเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  มีภารกิจด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง รวมถึงกลุ่มครัวเรือนเปราะบางให้มีที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐานในราคา

ที่เหมาะสมและสามารถรับภาระได้ ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2519 ถึงปัจจุบันการเคหะแห่งชาติได้พัฒนาที่อยู่อาศัยแล้ว จำนวน 751,061 หน่วย ควบคู่กับการส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม 

รวมทั้งมิติด้านการเงินได้นำระบบการเงินที่ยืดหยุ่นภายใต้ “โครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับ

ผู้มีรายได้น้อย” เข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยการสร้างโอกาสให้ประชาชนสามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองได้   

“โครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย” ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเงินของ

การเคหะแห่งชาติ เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มครัวเรือนเปราะบางที่ต้องการซื้อบ้าน

ของการเคหะแห่งชาติได้มีที่อยู่อาศัย นับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563-2566 ได้ปล่อยสินเชื่อไปแล้วจำนวนทั้งสิ้น 1,389.015 ล้านบาท สามารถช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเข้าให้ถึงที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐานในระดับราคาที่รับภาระได้ จำนวน 2,132 ครัวเรือน แบ่งออกเป็น กลุ่มลูกค้าทั่วไป 1,865 ราย และกลุ่มเปราะบาง 267 ราย”   

“จากการดำเนินงานที่ผ่านมาพบว่า ผู้ที่ถูกสถาบันการเงินปฏิเสธสินเชื่อประมาณ 30-40% 

มักเป็นผู้ประกอบอาชีพที่ไม่มีสลิปเงินเดือน อาทิ ฟรีแลนซ์ ไรเดอร์ ช่างเสริมสวย ค้าขาย และอาชีพบริการต่าง ๆ จึงทำให้ประชาชนกลุ่มดังกล่าวไม่มีโอกาสได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง แต่เมื่อมีโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนา

ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยของการเคหะแห่งชาติก็ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้มีที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน

เป็นของตนเองตามที่มุ่งหวังไว้ได้”    

สำหรับปีงบประมาณ 2567 การเคหะแห่งชาติได้พิจารณาอนุมัติการเช่าซื้อโครงการสินเชื่อฯ ให้กับลูกค้าจำนวน 34 ราย วงเงินรวมทั้งสิ้น 21,218,497.13 บาท โดยได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อภายใต้“โครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย” ประกอบด้วย  กลุ่มลูกค้าทั่วไป ผ่อนชำระในอัตราดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี ระยะเวลา 4 ปี ส่วนกลุ่มเปราะบาง ผ่อนชำระอัตราดอกเบี้ยเพียง 1.5% ต่อปี ระยะเวลา 5 ปี หลังจากนั้นในปีที่ 6-8 ผ่อนชำระอัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี และปีที่ 9-40 ผ่อนชำระอัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี 

ส่วนปีงบประมาณ 2567 การเคหะแห่งชาติคาดว่าจะได้รับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบางให้มีโอกาสเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในโครงการของการเคหะแห่งชาติได้ง่ายขึ้น 

นอกจากการให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มครัวเรือนเปราะบางได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองแล้ว การเคหะแห่งชาติยังดูแลคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในชุมชนอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และสุขภาวะ เพื่อสร้างคน และสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างสังคมให้อยู่เย็นเป็นสุข สามารถบริหารจัดการในชุมชนด้วยตัวเองอย่างมั่นคงและยั่งยืน 

โดยอาศัยกระบวนการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน สนับสนุนให้ผู้อยู่อาศัยร่วมกันจัดตั้งกลุ่มต่าง ๆ เพื่อพัฒนาชุมชนให้ครอบคลุมในทุกมิติ รวมถึงการจัดอบรมสร้างอาชีพให้ผู้อยู่อาศัยในชุมชน ได้แก่เกษตรกรรม การประกอบอาหารจานเดียว งานฝีมือ และช่างฝีมือเฉพาะทาง เป็นต้น

สำหรับผู้ที่กำลังมองหา “บ้านหลังแรก” ของการเคหะแห่งชาติเพื่อเริ่มต้นชีวิตครอบครัว ขอเชิญชวนให้มาเยี่ยมชมโครงการที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติ เรามีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด อาคารชุด หรือหากยังไม่พร้อมซื้อ การเคหะแห่งชาติยังมีที่อยู่อาศัยประเภทเช่าทั่วประเทศ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ไม่มีงานทำ การเคหะแห่งชาติยังมีบ้านเช่าพร้อมอาชีพ ซึ่งขณะนี้เปิดให้ผู้สนใจได้เช่าอยู่อาศัยในโครงการบ้านเคหะสุขประชา ฉลองกรุง ผู้เช่าสามารถเปิดแผงประกอบร้านค้าในตลาดเคหะสุขประชามาร์เก็ตฉลองกรุงได้ตั้งแต่บัดนี้ สนใจโครงการสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1615 หรือแฟนเพจเฟซบุ๊ก : การเคหะแห่งชาติ และแฟนเพจเฟซบุ๊ก : NHA Marketing” นายทวีพงษ์ กล่าวในที่สุด

ข่าวเกี่ยวข้อง