ผถห.NCL อนุมัติลงทุน ธุรกิจ Digital Marketing & IT infrastructure เสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจ-สร้างฐานกำไร เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ผู้ถือหุ้น บมจ.เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ (NCL) พร้อมใจยกมือโหวตอนุมัติให้บริษัทเข้าลงทุน ในธุรกิจ Digital marketing & IT infrastructure มูลค่ารวม 250 ล้านบาท ด้วยวิธีแลกหุ้นพีพีจำนวน 72,518,676 หุ้น คิดเป็น 13.46% พร้อมถือหุ้น บริษัท ชีส ดิจิตอล เน็ตเวิร์ค จำกัด (CDN) สัดส่วน 25% ผ่านบริษัท บีโอบี โฮลดิ้ง จำกัด ฟากเอ็มดี "พงษ์เทพ วิชัยกุล" ระบุ การลงทุนในครั้งนี้ ส่งเสริมขีดความสามารถด้านการแข่งขัน สร้างฐานกระแสเงินสด สนับสนุนให้กลุ่มธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคง และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
นายพงษ์เทพ วิชัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (NCL) เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2565 มีมติอนุมัติให้ลงทุนในกิจการที่ประกอบธุรกิจให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยการโอนกิจการทั้งหมด (Entire Business Transfer) ของบริษัท บีโอบี โฮลดิ้ง จำกัด (BOB) ซึ่ง BOB ถือหุ้นของบริษัท ชีส ดิจิตอล เน็ตเวิร์ค จำกัด (CDN) ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ Digital Marketing Services จำนวน 125,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 25% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้ว
โดยธุรกิจของ CDN แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. Digital content gateway หรือ บริการสนับสนุนดิจิทัลคอนเทนต์ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยแพลตฟอร์มจัดการข้อมูล ข่าวสาร สาระ และความบันเทิงแบบครบวงจร 2. Digital solution หรือ บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับองค์กร ต่อยอดจากความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่ง CND ได้รับความไว้วางใจจากภาครัฐและเอกชนให้พัฒนาเครือข่ายขนาดใหญ่, ดิจิทัลคอนเทนต์, แพลตฟอร์มการตลาดออนไลน์, และระบบเทคโนโลยีอื่นๆ และ 3. Digital Agency หรือ บริการวางแผน, จัดทำ, และบริหารสื่อโฆษณาออนไลน์แบบ One-Stop Service เพื่อให้การประชาสัมพันธ์ของลูกค้าเกิดประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ CDN ยังเป็นเจ้าของเว็บไซต์ ไลฟ์สไตล์คอนเทนต์ รายแรกๆของประเทศอย่าง edtguide.com ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการสื่อสารกับกลุ่มวัยรุ่นที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในยุคดิจิทัล
สำหรับรายละเอียดในการลงทุนในครั้งนี้ NCL จะชำระค่าตอบแทนให้แก่ BOB จำนวน 250,189,432.20 บาท ด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 72,518,676 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 13.46% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด โดยเสนอขายแก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) เพื่อชำระค่าตอบแทนดังกล่าว ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทฯได้กำหนดกรอบราคาเสนอขายเท่ากับร้อยละ 90 ของราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นสามัญของบริษัทย้อนหลัง 7 วันทำการก่อนวันประชุมคณะกรรมการบริษัทแต่ไม่ต่ำกว่า 3.45 บาทต่อหุ้น และคาดว่าการรับโอนกิจการในครั้งนี้จะดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาส 2/2565
“ที่ผ่านมาธุรกิจของบริษัทฯเติบโตอย่างต่อเนื่องจากธุรกิจ Logistics ที่ได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของค่าบริการขนส่งระหว่างประเทศที่พุ่งสูงขึ้น และปัจจัยการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังไม่คลี่คลายประกอบกับธุรกิจ Non-Logistics อื่นๆ เป็นตัวช่วยเสริมมูลค่าเพิ่มให้กับสินทรัพย์และกำไรให้กับบริษัทฯการที่บริษัทเข้ามาลุยธุรกิจ Digital Marketing & IT infrastructure ในครั้งนี้เนื่องจากบริษัทฯเล็งเห็นว่าธุรกิจ Digital นั้นมีศักยภาพในการเติบโตสูง ตลอดจนสามารถสร้างกระแสเงินสดให้แก่กลุ่มบริษัทฯ ได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่องในระยะยาว เห็นได้จากรายได้ของ CDN ที่สูงถึง 390 ล้านบาทต่อปี และมีอัตรากำไรขั้นต้นกว่า 43% ในปี 2562 ทำให้เชื่อมั่นว่าการลงทุนนี้จะเข้ามาช่วยหนุนให้เครือธุรกิจของ NCL เติบโตอย่างมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น จึงอยากให้ผู้ถือหุ้นได้เติบโตไปพร้อม ๆ กับบริษัทฯ ”นายพงษ์เทพกล่าวในที่สุด